Visakha Puuja Day is on the 11 May 2025

Visakha Puuja Day is on the 11 May 2025

11 พฤษภาคม 2568 วันสันติภาพโลก บำเพ็ญ ทาน ศ๊ล ภาวนา เพื่อสันติภาพสุขของทุกคน

อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก
เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส เราเป็นผู้ใหญ่สุดแห่งโลก
เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส เราเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งโลก
อยมนฺติมา ชาติ การเกิดครั้งนี้เป็นชาติสุดท้าย
นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว แต่บัดนี้ไปภพชาติใหม่เป็นไม่มี

เชิญร่วมกิจกรรมวันประสูติ พระพุทธเจ้าน้อย (วันเกิดเจ้าชาย)
ขอเชิญคุณพ่อ-แม่ พาลูกชาย/หญิง เข้าร่วมกิจกรรม “วันวิสาขบูชา”รับของขวัญ และ สรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย

วันวิสาขบูชา: วันแห่งแสงสว่างและสันติภาพโลก ณ วัดร่ำปิง (ตโปทาราม)

วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธทั่วโลกให้ความเคารพและยึดถือเป็นวันสำคัญ เนื่องจากเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 ประการในพระพุทธศาสนา คือ วันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ซึ่งเหตุการณ์ทั้ง 3 นี้เกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 6 หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เช่นเดียวกัน

ในปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) นี้ วันวิสาขบูชาตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งนอกจากจะเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังถือเป็นวันแห่งสันติภาพโลกอีกด้วย

กิจกรรมพิเศษ “วันประสูติพระพุทธเจ้าน้อย” ณ วัดร่ำปิง (ตโปทาราม)

ทางวัดร่ำปิง (ตโปทาราม) โดยพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ เจ้าอาวาสวัดร่ำปิง (ตโปทาราม) จ้าคณะอำเภอเมืองชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในวันวิสาขบูชา ในชื่อ “วันประสูติพระพุทธเจ้าน้อย” หรือ “วันเกิดเจ้าชาย” เพื่อระลึกถึงการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ขอเชิญคุณพ่อ-คุณแม่ พาลูกชาย/ลูกสาว เข้าร่วมกิจกรรมอันทรงคุณค่านี้ เพื่อปลูกฝังค่านิยมที่ดีงามและสร้างความผูกพันในครอบครัว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับของขวัญพิเศษและมีโอกาสร่วมพิธีสรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

แสงสว่างแห่งปัญญาและการเรียนรู้สำหรับเยาวชน

การจัดกิจกรรม “วันประสูติพระพุทธเจ้าน้อย” นับเป็นโอกาสอันดีที่จะสอนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับคุณธรรมและหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านกิจกรรมที่สนุกสนานและเหมาะสมกับวัย การที่เด็กๆ ได้ร่วมพิธีสรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย จะช่วยปลูกฝังความเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาตั้งแต่วัยเยาว์

ในช่วงวัยเด็ก เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีคุณลักษณะที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง ทั้งความเมตตากรุณา ความใฝ่รู้ และความเฉลียวฉลาด การเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระชนม์ชีพในวัยเยาว์ของพระองค์ จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจว่าการมีคุณธรรมและความเมตตาเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปลูกฝังตั้งแต่เล็ก

การบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา เพื่อสันติภาพในครอบครัวและสังคม

กิจกรรมในวันวิสาขบูชาที่วัดร่ำปิง (ตโปทาราม) นี้ เป็นโอกาสดีที่ครอบครัวจะได้ร่วมกันบำเพ็ญกุศลผ่านการปฏิบัติ 3 ประการ:

1. ทาน – ปลูกฝังการให้และแบ่งปัน

ในโอกาสนี้ ครอบครัวสามารถร่วมกันทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน หรือบริจาคทรัพย์เพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการให้และแบ่งปัน การทำทานร่วมกันในครอบครัวยังช่วยสร้างความสามัคคีและสอนให้เด็กๆ รู้จักความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

2. ศีล – สอนเรื่องความประพฤติที่ดีงาม

การพาเด็กๆ มาวัดในวันสำคัญเช่นนี้ เป็นโอกาสที่ดีในการสอนเรื่องศีลธรรมและความประพฤติที่เหมาะสม ผู้ปกครองสามารถอธิบายเรื่องศีล 5 ให้เด็กๆ เข้าใจได้อย่างง่ายๆ เช่น การไม่เบียดเบียนผู้อื่น การไม่ลักขโมย การพูดความจริง เป็นต้น

3. ภาวนา – ฝึกสมาธิและความสงบสำหรับเด็ก

กิจกรรมสรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อยเป็นรูปแบบหนึ่งของการภาวนาที่เหมาะสำหรับเด็ก ขณะที่เด็กๆ รดน้ำองค์พระ พ่อแม่สามารถแนะนำให้พวกเขาตั้งจิตอธิษฐานสิ่งดีๆ หรือฝึกสมาธิอย่างง่ายๆ ได้ นอกจากนี้ การเวียนเทียนในช่วงค่ำยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยฝึกสมาธิและความสงบใจได้เป็นอย่างดี

กิจกรรมครอบครัวสร้างสันติสุข

การพาลูกหลานมาร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชาที่วัดร่ำปิง (ตโปทาราม) นี้ นอกจากจะเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงาม ยังเป็นการสร้างความผูกพันในครอบครัวและปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้แก่เยาวชน ความสุขและความสงบที่เกิดขึ้นในครอบครัวจะเป็นรากฐานสำคัญของสันติภาพในสังคมและโลก

ในวันวิสาขบูชาปีนี้ ขอเชิญทุกครอบครัวมาร่วมสร้างความทรงจำดีๆ และรับพลังบุญร่วมกัน ณ วัดร่ำปิง (ตโปทาราม) เพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้าและเรียนรู้หลักธรรมคำสอนที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความสุข ความสงบ และสันติภาพที่แท้จริง

ขอเชิญทุกท่านพาบุตรหลานมาร่วมกิจกรรม “วันประสูติพระพุทธเจ้าน้อย” ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ณ วัดร่ำปิง (ตโปทาราม) เพื่อรับของขวัญพิเศษและร่วมพิธีสรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย เป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวและสร้างรากฐานชีวิตที่ดีให้แก่ลูกหลานสืบไป

พิธีบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ-สามเณร แและบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้อน ๒๕๖๘

พิธีบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ-สามเณร แและบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้อน ๒๕๖๘
ภายใต้โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมค่านิยมและความเป็นไทย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘

เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ระหว่าง ๒-๑๘ เมษายน ๒๕๖๘

โดยมี พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เจ้าคณะอําเภอเมืองเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ประธานฝ่ายสงฆ์
นางกรวรรณ สุ่มมาตย์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ประธานฝ่ายฆราวาส

ดำเนินงานโดย คณะสงฆ์อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่

สนับสนุนงบประมาณโดย กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม คุณมาลิณี วราหกิจ,ครอบครัวแก้วกฤติยานุกูรและคณะศรัทธาสาธุชน ร่วมเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์

กิจกรรมบรรพชาอุปสมบทประจำปี ณ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) จังหวัดเชียงใหม่

“การบวชไม่เพียงเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะคุณธรรมและจริยธรรมที่งดงามสู่สังคมไทย”

[ภาพ: พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง นำพิธีบรรพชาอุปสมบท พร้อมด้วยคณะสงฆ์และผู้มีเกียรติ]

๒-๑๘ เมษายน ๒๕๖๘

พิธีบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ-สามเณร แและบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้อน

พิธีซ้อมขานนาค: การเตรียมความพร้อมสำหรับกุลบุตรผู้จะบวช

[ภาพ: กุลบุตรที่จะบวชเป็นพระภิกษุและสามเณรกำลังฝึกซ้อมคำกล่าวและพิธีการกับพระอาจารย์]

ก่อนถึงวันอุปสมบทและบรรพชาจริง ผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุทั้ง 13 รูป และสามเณร 56 รูป ได้ผ่านพิธีซ้อมขานนาค ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมความพร้อม พิธีนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุได้ฝึกซ้อมการตอบคำถามอันตรายิกธรรม (ธรรมที่เป็นอันตรายต่อการบวช) รวมถึงการท่องคำขอบรรพชาอุปสมบท ส่วนผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรได้ฝึกซ้อมการกล่าวคำขอสรณะและศีล รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ในพิธี

…………. หนึ่งในพระอาจารย์ผู้ฝึกซ้อมได้อธิบายว่า “การซ้อมขานนาคมีความสำคัญสำหรับทั้งผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุและสามเณร เพราะแม้ว่าพิธีการจะแตกต่างกัน แต่ทั้งสองกลุ่มต้องเรียนรู้และเข้าใจพิธีกรรมอย่างถูกต้อง เพื่อให้การบวชเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีความศักดิ์สิทธิ์”

[ภาพ: เด็กและเยาวชนที่จะบวชเป็นสามเณรฝึกท่องคำขอศีลและการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์]

ในการซ้อมสำหรับผู้ที่จะบวชเป็นสามเณร มีการสอนการท่องคำขอบรรพชาเป็นสามเณร การขอสรณคมน์ คือการถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และการรับศีล 10 ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติของสามเณร รวมถึงวิธีการห่มผ้าและการปฏิบัติตนเมื่อได้บวชแล้ว

“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้บวชเป็นสามเณร ตอนแรกคิดว่าการท่องคำบาลีจะยากมาก แต่พระอาจารย์ใจดีมาก สอนให้ท่องทีละวรรคจนผมจำได้” สามเณรไพศาล ณ เชียงใหม่ ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรกล่าว

สำหรับผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุ การซ้อมมีความละเอียดมากกว่า เพราะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้บวช เช่น โรคต้องห้าม 5 ประการ การเป็นมนุษย์เพศชาย การไม่เป็นหนี้ การได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง และการมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ รวมถึงการฝึกท่องคำขอบรรพชาอุปสมบทในภาษาบาลี

[ภาพ: กุลบุตรที่จะบวชพนมมือฟังคำอธิบายจากพระอาจารย์เกี่ยวกับความหมายของคำบาลีที่ใช้ในพิธี]

“การซ้อมขานนาคไม่เพียงเป็นการเตรียมความพร้อมทางพิธีกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมจิตใจให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนสถานะจากฆราวาสเป็นบรรพชิต ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตที่ทุกคนควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้” โอวาทธรรม พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ.

พิธีปลงผม: จุดเริ่มต้นแห่งการละทิ้งความเป็นฆราวาส

[ภาพ: พิธีปลงผมกุลบุตรที่จะบวช โดยมีญาติผู้ใหญ่ร่วมปลงผมคนแรก]

พิธีปลงผมเป็นพิธีสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการบวช โดยในปีนี้ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ได้จัดพิธีปลงผมอย่างเป็นทางการให้แก่กุลบุตรทั้ง 69 รูปที่จะบวชเป็นพระภิกษุและสามเณร โดยมีพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เป็นประธานในพิธี

พิธีปลงผมเริ่มต้นด้วยการที่ผู้บวชนั่งบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ โดยมีญาติผู้ใหญ่และผู้มีเกียรติร่วมกันปลงผมให้คนละเล็กละน้อย จากนั้นพระสงฆ์จะทำการโกนผมให้เกลี้ยงเกลา ซึ่งมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงการตัดขาดจากความเป็นฆราวาส และการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่มกาสาวพัสตร์

[ภาพ: กุลบุตรที่จะบวชกำลังได้รับการโกนผมจากพระสงฆ์ในบรรยากาศที่สงบและศักดิ์สิทธิ์]

“พิธีปลงผมเป็นพิธีที่มีความหมายลึกซึ้ง เป็นการสละความเป็นปุถุชนเพื่อก้าวเข้าสู่เพศบรรพชิต การที่ครอบครัวร่วมปลงผมให้กันยังแสดงถึงการอนุญาตและการส่งเสริมให้ลูกหลานได้บวชเรียน”

[ภาพ: ครอบครัวและญาติของผู้บวชร่วมแสดงความยินดีหลังพิธีปลงผม]

“วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกภูมิใจที่สุด การได้เห็นลูกชายตัดผมเพื่อเตรียมตัวบวช แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเขาที่จะทำความดีและตอบแทนบุญคุณพ่อแม่” ผู้เป็นบิดาของเด็กชายที่จะบวชเป็นสามเณรกล่าวด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ

สำหรับผู้ที่จะบวชเป็นศีลจาริณี 9 คน มีการเปลี่ยนชุดเป็นชุดขาวเพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์และความตั้งใจในการรักษาศีล

เตรียมแห่นาคเข้าพิธี ณ อุโบสถ์ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)

[ภาพ: กุลบุตรผู้เข้าร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบทในชุดขาว เตรียมตัวก่อนพิธี]

ในปีนี้ มีกุลบุตรให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยผู้บวชเป็นพระภิกษุ 13 รูป สามเณร 56 รูป และศีลจาริณี 9 คน ซึ่งทุกรูปและทุกคนล้วนมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้ช่วงเวลาอันมีค่านี้ศึกษาและปฏิบัติธรรม

พิธีบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ-สามเณร แและบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้อน 2568

คณะสงฆ์อำเภอเมืองเชียงใหม่ นำโดยพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ-สามเณร และบวชศีลจาริณีประจำปี ภายใต้โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมความเป็นไทย โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และคุณมาลินี วรหกิจ ครอบครัวแก้วกฤติยานุกูรและคณะศรัทธาสาธุชน ร่วมเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์

[ภาพ: กุลบุตรผู้เข้าร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบทในชุดขาว เตรียมตัวก่อนพิธี]

ในปีนี้ มีกุลบุตรให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยผู้บวชเป็นพระภิกษุ 13 รูป สามเณร 56 รูป และศีลจาริณี 9 คน ซึ่งทุกรูปและทุกคนล้วนมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้ช่วงเวลาอันมีค่านี้ศึกษาและปฏิบัติธรรม

พิธีบรรพชาอุปสมบท: วันแห่งความปลื้มปีติ

ในวันพิธีบรรพชาอุปสมบท อุโบสถวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) โดยมีพระสงฆ์เถระผู้ใหญ่จำนวน 9 รูป นำโดยพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เป็นพระอุปัชฌาย์ประกอบพิธีอุปสมบท

[ภาพ: นาคที่จะบวชเป็นพระภิกษุในชุดขาว กำลังเดินเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ ก่อนเข้าสู่พิธีอุปสมบท]

พิธีเริ่มต้นด้วยการเวียนเทียนรอบพระอุโบสถของนาคที่จะบวช ก่อนจะเข้าสู่พิธีอุปสมบทอย่างเป็นทางการ โดยมีการสวดญัตติจตุตถกรรมวาจา ซึ่งเป็นการประกาศให้ที่ประชุมสงฆ์ทราบถึงการขออุปสมบทของนาค และการถามอันตรายิกธรรมต่างๆ

[ภาพ: นาคกำลังรับผ้าไตรจีวรจากญาติๆ ในบรรยากาศบริเวณศาลาบาตร]

“พิธีอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเป็นพิธีที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง การที่กุลบุตรได้มีโอกาสบวชเรียนจึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. กล่าว

[ภาพ: เด็กและเยาวชนที่จะบวชเป็นสามเณรในชุดขาว กำลังรับศีลจากพระอาจารย์]

สำหรับพิธีบรรพชาสามเณร มีเด็กและเยาวชนจำนวน 56 รูป เข้ารับการบรรพชา โดยพิธีมีความเรียบง่ายกว่าการอุปสมบทพระภิกษุ แต่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เริ่มจากการขอบรรพชา การรับไตรสรณคมน์ และการรับศีล 10 ข้อ

[ภาพ: ศีลจาริณีในชุดขาวกำลังรับศีลจากพระอาจารย์ ในบรรยากาศที่สงบและสำรวม]

นอกจากนี้ ยังมีการบวชศีลจาริณีจำนวน 9 คน ซึ่งเป็นเด็กสตรีที่ต้องการปฏิบัติธรรมและรักษาศีล 8 โดยจะครองผ้าขาวตลอดระยะเวลาของการบวช พิธีการรับศีลของศีลจาริณีจัดขึ้นในพระอุโบสถ โดยมีพระอาจารย์ภาวนาธรรมาภิรัช วิิ. เป็นผู้ประกอบพิธี

“การได้มาบวชเป็นศีลจาริณีในครั้งนี้ ทำให้หนูรู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง เพราะเป็นโอกาสที่จะได้ปลีกตัวจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน มาฝึกปฏิบัติสมาธิและวิปัสสนา เพื่อพัฒนาจิตใจให้สงบและเข้มแข็ง” หนึ่งในศีลจาริณีกล่าว

[ภาพ: ผู้บวชใหม่ทั้งพระภิกษุ สามเณร และศีลจาริณี ถ่ายภาพร่วมกันหน้าพระอุโบสถ และคณะสงฆ์]

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีบรรพชาอุปสมบท ผู้บวชใหม่ทั้งหมดได้รับการอบรมเบื้องต้นเกี่ยวกับการปฏิบัติตนในเพศบรรพชิต การเจริญสมาธิภาวนา และกิจวัตรประจำวันที่ต้องปฏิบัติตลอดระยะเวลาของการบวช

พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้บวชใหม่ว่า “การบวชถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางแห่งการพัฒนาตนเอง ขอให้ทุกท่านตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างเต็มกำลัง เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต แม้จะลาสิกขาออกไปแล้วก็ตาม”

กิจกรรมระหว่างการบวช: เส้นทางแห่งการพัฒนาจิตใจ

[ภาพ: บรรยากาศการทำวัตรสวดมนต์ยามเช้าของพระภิกษุและสามเณรภายในพระอุโบสถ]

ตลอดระยะเวลาของการบวช ผู้บวชทุกรูปและทุกคนมีกิจวัตรที่เข้มงวดและเป็นระเบียบ เริ่มตั้งแต่การทำวัตรสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็น การฟังธรรม และการปฏิบัติธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมอย่างเป็นระบบ

“การมาบวชทำให้ผมมีระเบียบการดำเนินชีวิตด้วยสติเพิ่มขึ้น “ก่อนมาบวชผมใช้ชีวิตอย่างไม่มีสติ จะเดิน จะลงบันไดก็ยังไม่มีสติ ตอนนี้ก็พยายามเดินให้มีสติมากขึ้น พอเข้ามาบวชที่นี่ เข้าใจสติในการกระทำ การรู้ตัว หยิบ จับ หรือการเดินก้าวด้วยสติมากกว่าเดิม สิ่งนั้นทำให้ผมรู้ประโยชน์ การมาบวชและปฏิบัติธรรมครับ การตื่นแต่เช้าเพื่อทำวัตรสวดมนต์ทำให้จิตใจของผมสงบ มีสมาธิมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิตประจำวัน” สามเณรอภิวัฒน์ บุญจันทร์ อายุ 15 ปี หนึ่งในผู้บวชเล่าความรู้สึก”

คลิปการสัมภาษณ์ สามเณรอภิวัฒน์ บุญจันทร์ อายุ 15 ปี

[ภาพ: พระภิกษุและสามเณรกำลังนั่งปฏิบัติธรรม ภายใต้การดูแลของพระอาจารย์]

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษคือการ “ส่ง-สอบอารมณ์กรรมฐาน” ในการปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นการให้ผู้บวชได้พูดคุยกับพระอาจารย์เกี่ยวกับประสบการณ์การปฏิบัติ ปัญหาและอุปสรรคที่พบ รวมถึงคำแนะนำในการพัฒนาการปฏิบัติให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

สัมภาษณ์สามเณร สามเณรณิพพิชญ์ เอี่ยมละออ ประสบการมาปฏิบัติิธรรมทำให้ชีวิตนั้นมีความชอบธรรม และการส่งสอบอารมณ์ช่วงปฏิบัติ กับศีลจาริิณี

“การได้ส่งอารมณ์กรรมฐานทำให้หนูเข้าใจวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องมากขึ้น จากเดิมที่คิดว่าการนั่งสมาธิคือการทำให้จิตว่างเปล่า แต่ความจริงคือการมีสติรู้เท่าทันความคิดและอารมณ์ของตนเอง” ศีลจาริณี/เด็กหญิงพัชร์กาญจน์กุล ณ เชียงใหม่ (ปอขวัญ) อายุ 11 ปี กล่าว

กิจกรรมพิเศษ: ทำบุญตักบาตรเนื่องในวันสงกรานต์

[ภาพ: ประชาชนใส่บาตรพระภิกษุและสามเณรที่บวชใหม่ในบรรยากาศวันสงกรานต์]

นอกจากการจัดพิธีบรรพชาอุปสมบทแล้ว วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีการทำบุญตักบาตรพระภิกษุและสามเณรที่บวชใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่ไทย (ปี๋ใหม่เมือง ทางภาคเหนือ) โดยมีประชาชนในพื้นที่และญาติของผู้บวชมาร่วมทำบุญอย่างคับคั่ง

“การได้มาทำบุญตักบาตรในช่วงสงกรานต์ และได้เห็นลูกชายบวชเป็นสามเณร ทำให้ดิฉันรู้สึกอิ่มบุญและภูมิใจมาก” คุณแม่ของสามเณรรายหนึ่งกล่าวด้วยความปลื้มปีติ

กิจกรรมขนทรายเข้าวัดตามประเพณีไทย

[ภาพ: พระภิกษุ สามเณร ศีลจาริณี และโยคีผู้ปฏิบัติธรรม ร่วมกันขนทรายเข้าวัดในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสามัคคี]

หนึ่งในประเพณีสำคัญของเทศกาลสงกรานต์ที่จัดขึ้นในปีนี้คือ การขนทรายเข้าวัด ซึ่งเป็นประเพณีโบราณที่สืบทอดกันมายาวนาน โดยมีความเชื่อว่าการนำทรายเข้าวัดเพื่อก่อเจดีย์ทรายจะได้อานิสงส์มาก เป็นการชดเชยเม็ดทรายที่ติดเท้าออกไปจากวัด และเป็นการบูชาพระรัตนตรัย

พระภิกษุ สามเณร ศีลจาริณี และโยคีผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมขนทรายเข้าวัด โดยมีการนำทรายมาก่อเป็นเจดีย์ทรายบริเวณลานวัด และตกแต่งด้วยดอกไม้ ธง และพุทธลักษณะต่างๆ อย่างสวยงาม

“การขนทรายเข้าวัดเป็นประเพณีที่มีความหมายลึกซึ้ง นอกจากจะเป็นการทำบุญแล้ว ยังเป็นการฝึกความสามัคคีและความอดทน โดยเฉพาะสำหรับเด็กและเยาวชนที่บวชเป็นสามเณร ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของประเพณีไทย”

พิธีสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวพระสงฆ์ และฟังธรรม

[ภาพ: พิธีสรงน้ำพระพุทธรูปด้วยน้ำอบน้ำหอม และพระสงฆ์ให้พรแก่ผู้มาร่วมพิธี]

อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของงานคือ พิธีสรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำดำหัวพระสงฆ์ โดยมีการจัดเตรียมน้ำอบน้ำหอมและน้ำสะอาดสำหรับสรงน้ำพระพุทธรูป และรดน้ำดำหัวพระเถระผู้ใหญ่เพื่อขอพรในโอกาสวันปีใหม่ไทย

พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. ได้นำพระสงฆ์ทั้งหมดประกอบพิธีและให้พรแก่ญาติโยมที่มาร่วมงาน โดยมีการกล่าวคำอวยพรในภาษาล้านนา และพรมน้ำมนต์ให้แก่ผู้มาร่วมพิธี

[ภาพ: ผู้บวชใหม่และประชาชนรดน้ำดำหัวขอพรจากพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ.]

“พิธีรดน้ำดำหัวเป็นประเพณีอันดีงามของชาวล้านนา ที่แสดงถึงความเคารพและกตัญญูต่อผู้อาวุโส ซึ่งในปีนี้เรามีพระภิกษุและสามเณรที่บวชใหม่ได้มีโอกาสร่วมพิธีนี้ด้วย นับเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของไทยอีกทางหนึ่ง”

หลังจากพิธีรดน้ำดำหัว ได้มีการจัดกิจกรรมฟังธรรมเทศนาพิเศษโดยพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เรื่อง “ความกตัญญูกตเวทีและการรักษาประเพณีที่ดีงาม” ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

[ภาพ: บรรยากาศการฟังธรรมเทศนาในวันสงกรานต์ โดยมีพระภิกษุสามเณรที่บวชใหม่นั่งฟังอย่างตั้งใจ]

“การฟังธรรมในวันสงกรานต์เป็นกิจกรรมที่สร้างความสงบเย็นใจ โดย พระครูปลัดนพพันธ์ ฐิตธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส องค์แสดงพระธรรมเทศนา

พิธีทอดผ้าป่าสามัคคี

[ภาพ: ทอดผ้าป่าสามัคคี นำโดยญาติของผู้บวชและประชาชนในพื้นที่]

ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ได้มีการจัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนบูรณะหอพระไตรปิฏก จัดเป็นพิธีเรียบ ๆ

พิธีทอดผ้าป่าได้รับความร่วมมือจากคณะศิษยานุศิษย์ และโยคีผู้ปฏิบัติ และประชาชนทั่วไป รวมถึงญาติของผู้บวชที่ร่วมกันบริจาคปัจจัยเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

[ภาพ: พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในการรับผ้าป่าสามัคคี]

เปิดใจผู้บวช: ก่อนบวช ระหว่างบวช และหลังลาสิกขา

[ภาพ: บรรยากาศการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมโครงการก่อนพิธีบรรพชาอุปสมบท]

ในช่วงก่อนการบวช ทางวัดได้จัดกิจกรรมสัมภาษณ์ผู้ที่จะบวชเพื่อรับทราบแรงบันดาลใจและความคาดหวังต่อการบวช

“ผมตัดสินใจบวชเพราะต้องการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ และอยากใช้เวลาช่วงปิดเทอมทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตนเองและสังคม”

สำหรับระหว่างบวช ผู้บวชหลายรูปและหลายท่านต่างสะท้อนความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเอง

[ภาพ: สามเณรกำลังเรียนรู้วิธีการห่มจีวรจากพระอาจารย์]

“การใช้ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ ทำให้ผมได้เรียนรู้การอยู่อย่างเรียบง่าย รู้จักความพอเพียง และมีวินัยในตนเองมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันหลังจากลาสิกขาแล้ว”

บทส่งท้าย: การบวชเรียน สืบสานพระพุทธศาสนา พัฒนาตนสู่สังคม

กิจกรรมแสดงความกตัญญูก่อนลาสิกขาของคณะพระภิกษุ สามเณร

ในช่วงปิดท้ายโครงการก่อนลาสิกขา ทางวัดได้จัดกิจกรรมพาคณะพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ศีลจาริณี และโยคี เดินทางไปสักการะพระเถระผู้ใหญ่ตามวัดสำคัญต่างๆ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและรับพรก่อนกลับสู่เพศฆราวาสของพระภิกษุสามเณรและศีลจาริณี

คณะได้มีโอกาสอันเป็นมงคลในการเข้านมัสการพระผู้ใหญ่และสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามวัดสำคัญทั้ง 10 แห่ง ได้แก่:

  1. วัดเชตุวัน – พุทธสถานอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมล้านนา
  2. วัดพระสิงห์ – ที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์อันเป็นที่เคารพสักการะ
  3. วัดสวนดอก – วัดโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ล้านนา
  4. วัดเจ็ดยอด – วัดที่มีสถาปัตยกรรมล้านนาอันทรงคุณค่า
  5. วัดศรีโสดา – สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาในเชียงใหม่
  6. วัดพระธาตุดอยสุเทพ – พุทธสถานศักดิ์สิทธิ์บนดอยสุเทพ
  7. วัดน้ำบ่อหลวง – แหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนา
  8. วัดพระธาตุศรีจอมทอง – ที่ประดิษฐานพระบรมธาตุอันศักดิ์สิทธิ์
  9. วัดพระพุทธบาทตากผ้า – สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
  10. วัดพระธาตุหริภุญชัย – พุทธสถานสำคัญแห่งเมืองลำพูน

กิจกรรมครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับคณะพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ศีลจาริณี และโยคีทุกท่าน เป็นการได้แสดงความเคารพต่อพระพุทธศาสนา พระเถระผู้ใหญ่ และได้น้อมรับพรและคำสั่งสอนอันมีค่า เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตหลังจากลาสิกขากลับสู่เพศฆราวาส นับเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าและเป็นการปลูกฝังความกตัญญูกตเวทีซึ่งเป็นคุณธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนา

๑๘ เมษายน ๒๕๖๘

พิธีลาสิกขา

[ภาพ: พิธีอำลาสิกขาและมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ผ่านการบวชเรียน]

โครงการบรรพชาอุปสมบทประจำปีของวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ไม่เพียงเป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งเมื่อพวกเขาลาสิกขากลับไปใช้ชีวิตฆราวาส ก็จะนำหลักธรรมคำสอนและประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นการสร้างคนดีสู่สังคม

พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง กล่าวทิ้งท้ายว่า “การบวชเรียน ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือยาว ล้วนมีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะเป็นโอกาสให้ได้พัฒนาตนเองทั้งทางกาย วาจา และใจ เมื่อเรามีโอกาสได้ฝึกฝนตนเองแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะนำสิ่งดีๆ เหล่านี้ออกไปเผยแพร่และช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป”

[ภาพ: ผู้บวชทั้งหมดถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกในวันสุดท้ายของโครงการ]

ภาพพธีลาสกขา


โอวาท พระภาวนาธรรมาภรัช วิ.
วันปิดโครงการ 18 เมษายน

พิธีลาสิกขาในโครงการ “บรรพชาอุปสมบทและบวชศีลจาริณี”

เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ปลูกฝังค่านิยมความเป็นไทย

เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โดยคณะสงฆ์อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

วันศุกร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๘

ณ อุโบสถวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่

จุดประสงค์ของโครงการ“บรรพชาอุปสมบทและบวชศีลจาริณี”นี้เพื่อที่จะได้ให้เยาวชนชาย-หญิงได้มาฝึกฝนอบรมจิตใจ เพื่อให้เราได้ศึกษามรดกทางวัฒนธรรม อาศัยความเป็นไทย อาศัยหลักทางพระพุทธศาสนา อาศัยความดีงามทางด้านศีลธรรม จริยธรรม

ตามหลักของการปฏิบัติของการบรรพชาอุปสมบทและบวชศีลจาริณี ณ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) เราต้องมีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาตลอดโครงการ   เราได้มาฝึกตนเองให้มีสติกับการกราบ การเดิน การนั่ง และทำกิจกรรมน้อยใหญ่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้เกิดความงดงามทางด้านชีวิตของเราให้ดียิ่งขึ้น

เยาวชนที่เข้าโครงการนี้  ก็ถือว่าได้ว่าเป็นศิษย์วัดร่ำเปิงแล้ว ดังนั้นเราก็ต้องเป็นคนมีสติ เป็นคนดีของพ่อ-แม่ เป็นนักเรียนที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นประชาชน-เยาวชนที่ดีของประเทศชาติ เป็นพสกนิกรที่ดีของพระเจ้าอยู่หัว เราทั้งหลายได้ทำประโยชน์เกื้อกูลต่อสังคม   และเป็นที่น่าชื่นชมยินดีกับพ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย ลุง-ป้า น้า-อา ครูบาอาจารย์ของเยาวชนชาย-หญิงที่ได้มาเข้าโครงการนี้

ยังมีพระภิกษุและสามเณร อีก ๕ รูปยังรักษาพรหมจรรย์อยู่

และหวังว่าถ้าเยาวชนชาย-หญิง ที่ได้ลาสิกขาตามโครงการนี้แล้ว จะได้มีโอกาสมาปฏิบัติเป็นโยคีโดยส่วนตัวในช่วงปิดเทอม หรือในช่วงเวลาที่ว่าง หรือเข้าร่วมโครงการอีกในปีหน้าและปีต่อ ๆ  ไป

ขออนุโมทนากับวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าภาพหลัก และเจ้าภาพร่วมทุกรูปทุกคน ซึ่งได้ให้ความอุปถัมภ์อุดหนุนปัจจัยโครงการ และมีปัจจัยคงเหลือจากโครงการทางวัดก็จะได้นำไปสมทบเป็นทุนการศึกษาของพระเณรที่อาศัยอยู่ในวัดต่อไป

ขออนุโมทนากับทุกรูปทุกคนที่เกื้อกูลโครงการนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ, พระบรมราชินีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงโดยเฉพาะเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และได้ทำบุญถวายบุญกุศลให้แก่บิดา-มารดาของเราได้บุญกุศลด้วย และทำความดีนี้ในฐานะที่เราศาสนิกชน และเราก็ทำดีให้ตัวเราเพื่อให้เราได้มีสติ สมาธิ มีปัญญา มีความกตัญญูกเวทิตาต่อครอบครัว ต่อพ่อ-แม่   ต่อสังคม ต่อพระพุทธศาสนา

หลวงพ่อก็ขอให้ลูกมีโอกาสสร้างคุณงามความดี สร้างบารมีสำหรับตนให้ได้เป็นเยาวชนที่ดีของประเทศชาติ และเป็นลูกที่ดีของพ่อ-แม่ ให้ได้เป็นนักเรียนที่ดีของครูบาอาจารย์ ขอให้เรามีความสุขความเจริญในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติเป็นที่สุด จงบังเกิดผลแก่พวกเราทั้งหลายทุกทั่วหน้ากันด้วยเถอะ

อบรมเตรียมพร้อม กาย-ใจ เข้าพิธีอุปสมบทพระภิกษุสามเณร

โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมและความเป็นไทย บรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ-สามเณร และศีลจาริณีภาคฤดูร้อน ถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ

เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงพระเจริญพระชนมายุ 67 พรรษา
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

ณ สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 2 วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

โครงการบวชภาคฤดูร้อน 1-18 เมษายน 2566

คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ และวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)
สำนักงานวัฒธรรมจังหวัดเชียงใหม่

เชิญร่วม โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมและความเป็นไทย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

เนื่องในวันคล้ายวันราชสมภพ วันที่ 2 เมษายน 2566
ระหว่าง : วันที่ 1 – 18 เมษายน 2566

กำหนดการ

ผู้ที่เข้ามาบวชต้องมาอยู่วัดตั้งแต่ วันที่ 27 มีนาคม

  • วันที่ 1 เมษายน 2566 (พิธี ปลงผม)
  • วันที่ 2 เมษายน 2566 (พิธี บรรพชา)

บวชกาย บวชใจ ปฏิบัติธรรม
เสริมสร้างทำดีเพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีในสังคม

ผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพสบทบทุนในโครงการ

  • อุปสมบท รูปละ 5,000 บาท
  • บรรพชา รูปละ 3,000 บาท
  • เจ้าภาพภัตตาหาร วันละ 3,500 บาท
  • น้ำปานะ วันละ 500 บาท
  • หรือตามกำลังศรัทธา

ติดต่อสอบถาม สำนักงานวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)
065 032 7592 (สำนักสงฆ์)
062 216 8339 (สำนักแม่ชี)

บัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนน สุเทพ เลขที่ 504 0 57571 3

กิจกรรมวันโกน

วันโกน คือ วันขึ้น ๗ ค่ำ กับ ๑๔ ค่ำ และแรม ๗ ค่ำ กับแรม ๑๔ ค่ำ ของทุก เดือน (หรือ แรม ๑๓ ค่ำ หากตรง กับเดือนขาด) ซึ่งเป็นวันก่อนวัน พระ ๑ วัน นั่นเอง

วันพระ หรือ วันธรรมสวนะ คือ วันขึ้น ๘ ค่ำ กับ ๑๕ ค่ำ และ แรม ๘ ค่ำ กับ แรม ๑๕ ค่ำ ของทุกเดือน (หากตรงกับเดือนขาด อาจเป็น แรม ๑๔ ค่ำ)

ประวัติความเป็นมา

ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร ได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบทูลว่า นักบวชศาสนาอื่นมีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรม คำสั่ง สอนในศาสนาของเขา แต่ว่าศาสนาพุทธยังไม่มีพระพุทธองค์จึงทรงอนุญาติให้ภิกษุสงฆ์ประชุมสนทนาและแสดงธรรมเทศนาแก่ประชาชนในวัน ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ และ ๑๕ ค่ำพุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็นวัน ธรรมสาวนะ ( ในไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย )

ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู

ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู (องฺ.ปญฺจก. ๒๒/๔๓)
“ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก คนหมู่มากย่อมคบเขา”

15 พฤษภาคม 2565 พระภาวนาธรรมาภิรัช พระวิปัสสนาจารย์ เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 2 รองเจ้าคณะอำเมือง เมืองเชียงใหม่ นำพาเยาวชน ชาย – หญิง อายุตั้งแต่ แรกเกิด – 10 ขวบ ไปร่วมกิจกรรมวันประสูติพระโพธิสัตว์ (พระพุทธเจ้าน้อย)

กิจกรรมฟังธรรม วันวิสาขบูชา
ห้องรับพระกรรมฐานเจริญจิตภาวนาใต้หอไตร

มอบขวัญถุงจากพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ.

เยาวชน เด็กน้อย ทำบุญตักบาตร ในวัน วิสาขบูชา

ประชาชนทั่วไป ทำบุญตักบาตร ในวัน วิสาขบูชา

ร่วมทำบุญตักบาตร และสรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย ณ ฐานฐานพระธาตุเจดีย์ วัดร่ำเปิง (ตโปทารม) พร้อมรับขวัญถุง จากพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. ภาคเช้า 8.00-9.00 น. ภาคบ่าย 16.00 น.-17.00น.

กิจกรรมในวันสัปดาห์ส่งเสริมพุทธศาสนา วันวิสาขบูชา และสรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย ณ ฐานฐานพระธาตุเจดีย์ วัดร่ำเปิง (ตโปทารม) พร้อมรับขวัญถุง จากพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. ภาคเช้า 8.00-9.00 น. ภาคบ่าย 16.00 น.-17.00น.

กิจกรรม ในวันสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา วันวิสาขบูชา สรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย

สร้างคนดีเพื่อปลูกฝั่งความเป็นพุทธศาสนาที่ดีของประเทศชาตินำเด็กและเยาวชนรู้จักเข้าวัด ด้วยการให้แก่เขา

ผู้มีปกติให้ปันสิ่งของแก่ผู้อื่นด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงมักเป็นผู้ที่มีมิตรมาก ได้รับมิตรภาพที่ดีจากผู้อื่นอยู่เสมอ เมื่อถึงคราวจำเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในเรื่องใด ๆ จากผู้อื่นบ้าง ย่อมจะได้รับความช่วยเหลือด้วยดี ด้วยความที่เขาเป็นที่รักของคนทั้งหลายนั่นเอง

ที่มา : https://www.facebook.com/watrampoeng.chiangmai

โครงการบรรพชาอุปสมบท 910 รูป

จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ขอเชิญชวนเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท 910 รูป เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา

ระยะเวลาโครงการฯ ระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคม – วันที่ 13 สิงหาคม 2565

ดาวน์โหลดใบสมัครจากคิวอาร์โค้ดในรูป

ส่งใบสมัครได้ที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งบัดนี้จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ในวันเวลาราชการ

ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 053-112671, 084-505 6320

  • 21 – 23 กรกฎาคม 2565 ศึกษาอบรมก่อนบวช ณ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)
  • 24 กรกฏาคม 2565 เวลา 16.00 น. พิธีปลงผม ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง
  • 25 กรกฎาคม 2565 เวลา 12.30 น. พิธีบรรพชาอุปสมบท ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง
  • 26 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2565 ศึกษา ณ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)
  • 13 สิงหาคม 2565 เวลา 09.00 น. พิธีลาสิกขา ณ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)

คุณสมบัติผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ

  1. เพศชาย โดยสมบูรณ์ไม่ลักเพศ สัญชาติไทย อายุ 20-65 ปี
  2. ร่างกายแข็งแรง ไม่ทุพพลภาพ ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคสังคมรังเกียจ ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่เป็นบุคคลต้องโทษ หรือหลบหนีคดีหรือหลบหนีทหาร ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามหลักพระวินัย ได้รับวัคซีนโควิด -19 ไม่น้อยกว่า 2 เข็ม

ติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่

  • วัดเจ็ดยอดพระอารามหลวง
  • วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
  • วัดสวนดอก พระอารามหลวง
  • วัดร่ำเปิง (โปทาราม)
  • สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่
  • สำนักงานเจ้าคณะอำเภอ

ส่งใบสมัครได้ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ในวัน เวลา ราชการ โทร 053 112671, 084-505 6320

“เทศมหาชาติ เวสสันดรชาดก”

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ
“เทศมหาชาติ เวสสันดรชาดก “
ประเพณียี่เป็ง 2565 วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)
17 กัณฑ์ ๆ ละ 1,000 บาท

ร่วมเป็นเจ้าภาพ ติดต่อสอบถาม 087 787 5904 หรือโอนเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพ บัญชีวัดร่ำเปิง ธนาคารกรุงเทพ บัญชีเลขที่ 504 0 57571 3 ลำดับกัณฑ์เทศน์

กัณฑ์ ที่ 1 ปฐมมาลัย (มาลัยต้น) ปฐมมาลัย (มาลัยต้น) คัมภีร์มาลัยต้น กล่าวถึงพระมาลัยเถระ พระสงฆ์ ชาวลังกาซึ่งเป็นพระอรหันต์ เดินทางไปเยี่ยมนรก ได้พบพญายมราช และเห็นสัตว์นรกจำนวนมาก พญายมราชบอกกับพระมาลัยว่า การ ทำบุญทำทาน การฟังเทศน์ และอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับผู้ตายนั้น อาจทำให้ผู้ที่อยู่ในนรกพ้นจากความทุกข์ได้ ดังนั้น การแสดงพระธรรมเทศนาที่เป็นทางการและจัดอย่างยิ่งใหญ่ จึงนิยมนำเอาคัมภีร์ปฐมมาลัย (มาลัยต้น) มาเป็นคัมภีร์นำในการเทศนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศมหาชาติเวสสันดรชาดก พระธรรมเทศนากัณฑ์นี้ จึงเหมาะสำหรับทำบุญอุทิศให้ ญาติผู้ล่วงลับ บุพการีชน เปตพลี

กัณฑ์ ที่ 2 ทุติยะมาลัย (มาลัยปลาย) ทุติยะมาลัย (มาลัยปลาย) “เมื่อครั้งมหาเถรขึ้นไปนมัสการพระเกศแก้วจุฬา มณีใน สวรรค์ชั้นดาวดึงษ์นั้น ได้พบพระอริย เมตไตรยเทพบุตรได้ถาม ทำอย่างไรจะได้ร่วมศาสนา กับพระอริยเมตไตร ท่านก็ได้บอกมหาเถรเจ้ามาว่า “ให้คนทั้งหลายฟังธรรมมหาชาติให้จบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ในวันเดียวคนเดียว แล้วจะได้ร่วมกับศาสนาของเราพระธรรมเทศนากัณฑ์ จึงเหมาะสำหรับศรัทธาเจ้าภาพ ผู้ปรารถนาจะได้เกิดในพระศาสนายุคพระศรีอริยะเมตตรัย (ยุคพระศรีอารย์)

กัณฑ์ ที่ 3 ทศพร พรรณนา ถึงตอนที่พระนางผุสดีขอพรจากพระอินทร์ ๑๐ ประการ ก่อนที่จะจุติในโลกมนุษย์เป็นมารดาของพระเวสสันดร พระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีชวด (หนู) ได้ล้านนา)ผู้ใดบูชากัณฑ์ทศพร ผู้นั้นจะได้รับทรัพย์สมปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้ สามีเป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจ ถ้าเป็นชายจะได้ภรรยาตามที่ประสงค์ของการ ถ้ามีบุตรหญิง หรือชาย ก็จะเป็นคนว่านอนสอนง่าย มีรูปกายงดงาม

กัณฑ์ ที่ 4 หิมพานต์ พรรณนา ถึงจุติปฏิสนธิของพระเวสสันดร จนถึงทรงได้อภิเษก สมรสกับพระนางมัทรี พระธิดาแห่งกษัตริย์แคว้นมัทราชจนกระทั่งถูกเนรเทศออกจากเมืองเข้าสู่ป่าพรรณนาถึงป่าหิมพานต์ พระธรรมเทศนาประจําคนเกิดปิด (วัว) ปีเป้า (ล้านนา) ผู้ใดบูชากัณฑ์หิมพานต์ ย่อมจะได้สิ่งปรารถนาทุกประการ ครั้นตายไป จะไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ แล้วเมื่อครั้งลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ จะเกิดในขัตติยะ หรือพราหมณ์ บริบูรณ์ด้วยทรัพย์ และบริงานมากมาย จะอยู่อิริยาบทใดก็จะมีแต่ความสุขกายสบายใจ

กัณฑ์ ที่ 5 ทานกัณฑ์ พรรณนา ถึงสัตตสดกมหาทาน พระเวสสันดรสั่งเมืองและให้ทานรถเทียมด้วยม้าแก่ ผู้ที่มาทูลขอ พระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีขาล (เสือ) ปียีบ้านนา ผู้ใดบูชากัณฑ์ทานภัณฑ์จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวนเงินทอง ทาสี และ สัตว์สองเท้าสี่เท้าครั้งตายแล้วจะได้ไปเกิดในฉกสมมาพจรสวรรค์ มีนางเทพ อัปสรแวดล้อมมากมาย เสวยสุขอยู่ในปราสาทสร้างด้วยแก้ว ๗ ประการ

กัณฑ์ ที่ 6 วันประเวศน์ พรรณนา ถึงสี่กษัตริย์เสด็จถึงนครมาตุลราช พระยาเขตราฐ เจ้าเมืองทูลขอให้ครองสมบัติ พระเวสสันดรไม่ทรงรับพระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีเถาะ (กระต่าย) ปีม้า ล้านนา) ผู้ใดบูชากัณฑ์เทศน์วนประเวศน์จะได้รับความสุขทั้ง โลกนี้และโลกหน้า จะเฉลียวฉลาด สามารถปราบศิริราชศัตรูรูให้ย่อยยับไป

กัณฑ์ ที่ 7 ชูชก พรรณนา ถึงพราหมณ์ชูชกขอทานจนได้นางอมิตตตาลูกสาวเพื่อนเป็นเมีย เมียต้องการคนรับใช้ให้พราหมณ์ชกไปขอกัณหาและชาลีมาเป็นคนใช้พราหมณ์จึงออกเดินทางไปเขาวงกต ไปเจอพรานเจตบุตรผู้รักษาทางเข้าป่าหิมพาน พระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีมะโรง (งูใหญ่) ปีสี(บ้านนา ) ผู้ใดบูชากัณฑ์ชูชก จะได้บังเกิดในตระกูลที่ดี ประกอบด้วย สมบัติ อันงดงาม กว่าผู้อื่น เจรจากับผู้ใดก็มีเสียงไพเราะ ครั้งจะได้สามีหรือภรรยา รวมทั้งมีบุตร จะ มีรูปร่างทรงงดงาม สอนง่าย

กัณฑ์ ที่ 8 จุลพล พรรณนา ถึงพรานเจตบุตรถูกชูชกหลอกจึงบอกทางไปสู่เขาวงกุฎ พระธรรมเทศ ประจพ คนเกิดปีมะเส็ง(งูเล็ก) ปีใส่ (ล้านนา) ผู้ใดบูชากัณฑ์จุลพน แม้จะบังเกิดในปรภพใดๆ จะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วย สมบัติบริการ จะมีอุทยานอันดารดาษด้วยดอกไม้หอมตลบไป แล้วจะมีระ โบกขรณีอันเต็มไปด้วยปทุมชาติ ครั้นตายไปแล้วก็ได้เสวยทิพยสมบัติในโลก หน้าสืบไป

กัณฑ์ ที่ 9 มหาพล พรรณนา ถึงพราหมณ์ชูชกพบอจุตฤาษี ก็ชีทางไปสู่เขาวงกฎ พรรณนาถึงป่าเขาลำเนาไพร พระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีมะเมีย(ม้า) ปีสะหง้า( บ้านนา ) ผู้ใดบูชากัณฑ์มหาพน จะได้เสวยสมบัติในดาวดึงส์เทวโลกนั้น มี ทรัพย์ศฤงคารบริวารมาก มีอุทยานและสระโบกขรณีเป็นที่ประพาส เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยศักดานุภาพเฟื่องฟัง

กัณฑ์ ที่ 10 อานิสงส์ผางประทีป

ผางประทีป เป็นภาชนะดินที่มีการนำเอาขี้ผึ้งผสมน้ำมันหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทลงในภาชนะดินขนาดเล็กที่มีรูปร่างต่าง ๆ มีด้ายอยู่ตรงกลางเพื่อเป็นฉนวนจุดไฟ พอจุดไฟ กลางคืนก็จะสว่างไสวเป็นสีต่าง ๆ อย่างสวยงาม มักจะพบทั่วไปในเทศกาลลอยกระทง คืนบูชาผางประทีป มีการแขวนไว้ตามหน้าบ้าน ประตูรั้ว ซุ้มประตูป่า หรือพบได้ตามงาน สมโภช เสนาสนะต่าง ๆ ของศาสนาสถาน มีการนำไปตกแต่งสถานที่ให้ได้วันของบริเวณงาน ในประเพณีวันลอยกระทงหรือประเพณีเดือนยี่เป็ง ซึ่งจะเริ่มมีขึ้นในวันที่ ๑๔ ค่ำ เดือนยี มีการแสดงถึงความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับผางประทีป โดยมีการเทศน์ธรรมของพระสงฆ์ใน กัณฑ์ “อานิสงส์ผางประทีป” ในช่วงพลบค่ำ ซึ่งเป็นการเทศน์ที่กล่าวถึงผลแห่งกุศล ที่ได้ จากการจุดประทีปบูชา หลังจากนั้นจะมีการจุดผางประทีปโคมไฟสว่างไสว โดยเฉพาะจุด หน้าพระประธานตามจำนวนคาถาของกัณฑ์เทศน์ เช่น ทานกัณฑ์ ต้องพูดถึง ๒๐๙ ดวง เพราะมี ๒๐๙ คาถา และในคืน ๑๕ ค่ำ ชาวบ้านจะมีกาบกล้วยตัดเป็นท่อนสำหรับวางผาง ประทีปแล้วจุดประทีปให้ลอยไปตามน้ำ โดยมีความเชื่อว่า การจุดผางประทับเดือนยี่เป็ง เป็นการบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งก่อให้เกิดอานิสงส์และทำให้ผิวพรรณสวยสดงดงาม รวมทั้ง เป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด นอกจากนั้นยังเชื่อว่าเป็นพุทธบูชา

กัณฑ์ที่ 11 กุมารบรรพ์ พรรณนา ถึงชูชกไปถึงเขาวงกุฎเพื่อขอกัณหาชาลี สอง กุมารลงไปหลบในสระน้ำ พระเวสสันดรเรียกขึ้นมามอบให้ พราหมณ์ชูชก ชูชกทุบตีกระชากลากลองกุมารไป พระธรรมเทศนาประจํา คนเกิดปีมะแม (แพะ) ปีเม็ด บ้านนา ผู้ใดบูชากัณฑ์กุมาร ย่อมประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ครั้นตายไปได้เกิด ในฉกามาพจรสวรรค์ในสมัยพระศรีอาริยเมตไตรยมาอุบัติ ก็จะได้พบศาสนาของ พระองค์จะได้ถือปฏิสนธิในตระกูลกษัตริย์ ตลอดจนได้สดับฟังพระสัทธรรมเทศนา ของพระองค์ แล้วบรรลุพระอรหันตพล พร้อมปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ ด้วยบุญราศีที่ได้อบรม ไว้

กัณฑ์ ที่ 12 มัทรี พรรณนา จึงพระนางมัทรกลับจากหาผลไม้ในป่าพบสัตว์ สามตัวนอนขวางทางจึงไม่พบลูกทั้งสอง พอทราบความจริงก็ เป็นลมสลบไป พระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีวอก(ลิง) ปีสันล้านนา ผู้ใดบูชากัณฑ์มัทรี เกิดในโลกหน้าจะเป็นผู้มั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วย ทรัพย์สมบัติ เป็นผู้มีอายุยืนยาว ทั้งประกอบด้วยรูปโฉมงดงาม

กัณฑ์ ที่ 13 สักกบรรพ์ พรรณนา จึงพระอินทร์แปลงกายมาทูลขอพระนางมัทรี จากพระเวสสันดรแล้วคืนให้ พระเวสสันดรทูลขอพร 8 ประการจาก พระอินทร์ พระธรรมเทศนาประจํา คนเกิดปีระกา (ไก่) ปีเรา(ล้านนา) ผู้ใดบูชากัณฑ์ลักกบรรพ์ จะได้เป็นผู้เจริญด้วยลาภยศ ตลอดจนจตุรพิธพรทั้ง ๔ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดกาล

กัณฑ์ ที่ 14 มาหาราช พรรณนา จึงพราหมณ์รักษา ๒ กุมารหลงทางเข้าสู่เมืองสิพี พระเจ้าสัญชัยทรงไถ่กุมารคืนด้วยสิ่งของอย่างละ ๑๐๐ พราหมณ์ชูชก รับประทานอาหารคนตายพระเจ้าสัญชัยเตรียมไปรับพระเวสสันดร และพระนางมัทรี พระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีจอ (สุนัก) ปีเสุด บ้านนา) ผู้ใดบูชากัณฑ์มหาราชจะได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ

กัณฑ์ ที่ 15 ฉกษัตริย์ พรรณนา จึงหกกษัตริย์พบกัน เกิดความยินดีจน เศร้าโศก สลบไป พระอินทร์บันดาลฝนโบกขรพรรณตก ลงมาประพรมจนฟื้นคืนสติทั้งหมด พระธรรมเทศนาประจำ คนเกิดปีกุญ(ช้าง,หมู) ปีใคะบ้านนา) ผู้ใดบูชากัณฑ์ฉกกษัตริย์ จะได้เป็นผู้เจริญด้วยพร ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกๆ

กัณฑ์ ที่ 16 นครกัณฑ์ กัณฑ์สุดท้าย ถือเป็นกัณฑ์ชัยมงคลพรรณนาถึง พระ เวสสันดร พระนางมัทรี ลาจากเพศพระฤาษีนวัติคืนสู่ พระนคร ครองเมืองสิพี พระอินทร์บันดาลห่าฝนสัตตรตนะธาราตกทั้งภูมิมณฑลโปรดให้ประชาชทำบุญทำทาน ตลอดพระชนมชีพ พระธรรมเทศนาประจำทุกปีเกิด ผู้ใดบูชากัณฑ์นครกัณฑ์ จะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยวงศาคณา ญาติ ข้าทาสชายหญิง ธิดาสามี หรือบิดามารดาเป็นต้น อยู่พร้อม หน้ากันโดยความผาสุก ปราศจากโรคาพาธทั้งปวง

กัณฑ์ที่ 17 อานิสงส์เวสสันดร ธัมม์อานิสงส์เวสสันดร สันตระ กล่าวถึง อานิสงส์ต่างๆ ของการฟังเทศน์มหาชาติรวม การได้อยู่ร่วมพระศาสนาของพระศรีอริยะเมตไตร และชาติ ต่างๆ ของพระเวสสันดร นางมัทรี กัณหา ชาลี ชูชก จึงทำ ให้เกิดเป็นเรื่องราง พระเวสสันดรชาดกชาติสุดท้ายก่อนที่ จะเกิด เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในยุคปัจจุบัน

กิจกรรมวันพระ

กิจกรรมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรม
ณ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2565

พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เจ้าอาวาส นำพระภิกษุสงฆ์ สามเณร เดินรับบิณฑบาตร รอบวิหารลายคำ และศาลาบาตร มีแม่ชีและ ศรัทธาประชาชนทั่งไปและโยคี ชาย หญิงผู้มาปฏิบัติธรรม ร่วมทำบุญไส่บาตรเป็นแนวยาวรอบ ๆ พระธาตุเจดีย์ทั้ง 2 ด้าน หลังจากนั้น ร่วมรับศีล-ฟังธรรม วันนี้ 8 พฤษภาคม 2565 พระวัชรินทร์ ปิยธมฺโม, ดร. พระวิปัสสนาจารย์เป็นองค์บรรยายธรรม

ทุก ๆ วันพระ ตั้งแต่เวลา 8.00 เป็นต้นไป ทำบุญตักบาตร และช่วงเวลาค่ำ มีกิจกรรมเวียนเทียน สามารถรับชม การถ่ายทอดสด ทาง เพจวัดร่ำเปิงทุก ๆ วันโกน-พระ

คำว่า… “บวช” คือการเว้นไปทั่วเว้นอกุศลทุกชนิด เว้นบาปทุกชนิด เว้นกิจที่ไม่ควรทำทุกชนิด เว้นกิจของคฤหัสถ์ที่เราไม่ควรทำเว้นความคิดอย่างคฤหัสถ์ เว้นการนุ่งการห่มอย่างคฤหัสถ์ เว้นจากการกินการอยู่อย่างคฤหัสถ์ เป็นวิถีชีวิตที่เราจะต้องเว้นหลาย ๆ อย่าง

จากหนังสือ สรรพธรรม ๙ น.๙๑ โดย… พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ

วันวิสาขบูชา

วันสันติภาพโลก วันที่ 15 พฤษภาคม 2565
ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖
บำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา เพื่อสันติสุขของทุกคน

เหตุการณ์วันประสูติ

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ ทรงเปล่ง “อาสภิวาจา” คือวาจาพรหมโวหารเป็นภาษิตของบุรุษพิเศษอาชาไนยว่า

อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส
เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก

เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส
เราเป็นผู้ใหญ่สุดแห่งโลก

เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส
เราเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งโลก

อยมนฺติมา ชาติ
การเกิดครั้งนี้เป็นชาติสุดท้าย

นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว
แต่บัดนี้ไปภพชาติใหม่เป็นไม่มี

วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) เชิญร่วมกิจกรรมวันประสูติ พระพุทธเจ้าน้อย (วันเกิดเจ้าชาย)
ขอเชิญคุณพ่อ-แม่ พาลูกชาย/หญิง เข้าร่วมกิจกรรม “วันวิสาขบูชา” รับของขวัญ และ สรงน้ำพระพุทธเจ้าน้อย ณ ลานพระธาตุเจดีย์ และบริเวณศาลาบาต

ติดตามช่องทางสื่อออนไลน์ :

www.watrampoeng.com

https://www.facebook.com/watrampoeng.chiangmai

https://www.instagram.com/watrampoeng

https://www.youtube.com/channel/UCjOUwvwLBPdFxcC2rk1Lmfg